โปเกมอน
โปเกม่อนหรือในชื่อเต็มว่า พ็อกเก็ตมอนสเตอส์ เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่จัดพิมพ์และเป็นของนินเทนโดบริษัทวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่นและสร้างโดยซะโตะชิ ทะจิริเมื่อปี ค.ศ. 1996 แรกเริ่มออกจำหน่ายวิดีโอเกมแนวบทบาทสมมุติบนเครื่องเล่นสายเกมบอยชนิดเล่นเชื่อมกันได้ระหว่างเครื่องต่อเครื่องพัฒนาโดยบริษัทเกมฟรีค ตั้งแต่นั้นมา โปเกมอนกลายมาเป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ประสบ

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 บริษัท 4คิดส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จัดการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์โปเกมอนที่ไม่ใช่เกม ประกาศว่าบริษัทเห็นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวแทนแฟรนไชส์โปเกมอนใหม่ บริษัทโปเกมอนของสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันคือบริษัทเดอะโปเกมอน) สาขาย่อยของบริษัทโปเกมอนในญี่ปุ่น มีหน้าที่ตรวจตราลิขสิทธิ์โปเกมอนนอกทวีปเอเชีย
ซาโตชิ
เป็นตัวละครเอกของโปเกมอนฉบับอะนิเมะเป้าหมายในชีวิตของซาโตชิคือการได้เป็นโปเกมอนมาสเตอร์อันดับ 1 ของโลกซาโตชิเริ่มต้นเดินทางด้วยวัย 10 ขวบเป็นผู้ฝึกโปเกมอน (Pokémon Trainer) ซึ่งมีจิตใจเมตตา มีเจตนาดี แต่ดื้อรั้นและยังไม่เชี่ยวชาญ เขาได้รับพิกะจูตัวที่มีนิสัยไม่มีความเคารพเจ้าของจากดร.ออคิดส์ เป็นโปเกมอนเริ่มต้นเพราะเขาไม่ตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นสายในวันที่เขาต้องมา รับโปเกมอนตัวแรก ซาโตชิตั้งใจที่จะไปถึงเป้าหมายสูงสุดให้ได้ ซึ่งการที่เขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพิกะจู โปเกมอนคู่หูได้ จะทำให้เขาเดินทางได้ง่ายขึ้น
ครอบครัว
ซาโตชิเคยอาศัยอยู่กับแม่ของเขาที่ชื่อ ฮานาโกะ จนกระทั่งเขาออกจากบ้านเพื่อเดินทางเป็นผู้ฝึกโปเกมอนเมื่ออายุได้ 10 ขวบสำหรับพ่อของซาโตชิยังไม่มีการแนะนำในอะนิเมะ บอกเป็นนัย ๆ ไว้ว่าพ่อของซาโตชิครั้งหนึ่งเป็นผู้ฝึกโปเกมอนที่เริ่มเดินทางจากเมืองมาซาระ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในแวดวงแฟนคลับโปเกมอนมีการพูดคุยอภิปรายกันถึงบุคลิกลักษณะของพ่อของซาโตชิ ทั้ง ๆ ที่ผู้เขียน
เรื่องนี้ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ลักษณะมุมมองชีวิตของซาโตชิ ตัวละครในเรื่องโปเกมอนที่แฟนคลับวางตัวไว้ให้เป็นพ่อของซาโตชิมีหลายตัว
โปเกม่อนของชาโตชิที่จับมา
อยู่กับชาโตชิ
พิคาชู
ยายาโคมะ
ลูจาบูล
ออนแบต →ออนเวิร์น

อยู่กับด๊อคเตอร์
ฟุชิงิดาเนะ
แครบ→คิงเกลอร์
เบโตะเบตอน
เคนทารอส
ฮิโตคาเงะ → ลิซาโดะ → ลิซาดอน
คาบิกอน
เฮราครอส
จิโคริตะ→เบลีฟ
ฮิโนอาราชิ→แม็กมาราชิ
วานิโนโกะ
โยรุโนะสุกุ
ไข่โปเกมอน→โกมาโซะ→ดอนแฟน
ซูบาเมะ→โอซูบาเมะ
คิโมริ→จุปทอล→จูไคน์
เฮกานิ
โคตัส
ยูคิวาราชิ→โอนิโกริ
มุคุรุ→ มุคุเบิร์ด→ มุคุฮอร์ก
นาเอโทรุ→ฮายาชิกาเมะ→โดไดโทส
ซารุ→โมคาซารุ→โกคาซารุ
ฟูคามารุ
บุยเซล
มาเมพาโตะ→ฮาโตโบ→เคลฮอลโลว์
โพคาบู →ชาโอบู
ไข่โปเกมอน→ซูรูกกุ
คุรุมิรุ→ คุรุมายุ →ฮาฮาโคโมริ
กามาการู
แดนโกโร่→แกนเทิล
อยู่ระหว่างการฝึกฝนหรือฝากไว้กับเทรนเนอร์คนอื่น
เซนิกาเมะ
โอโคริซารุ
นูเมล่า → นูเมล → นูเมลกอน
ปล่อยไปแล้ว
คาเตอร์ปี → ทรานเซล →บัตเตอร์ฟรี
ปล่อยเพื่อไปหาคู่ผสมพันธุ์
พีเจียน → พีจ๊อต
ปล่อยเพื่อเฝ้าฝูงป็อบโปะจากฝูงโอนิซึสึเมะ
ลาพลัส
ปล่อยกลับเข้าฝูง
เคโรมัตสึ → เกโคงาชิระ → เกโคกะ ↔
ซาโตชิ เกโคกะ
ปล่อยเพื่อช่วยซีการ์ดค้นหารากไม้ปริศนาที่แก๊งแฟลร์สร้างขึ้นเพื่อทำลายภูมิภาคคาลอส
ตัวร้าย แก๊งร็อกเก็ตแห่งจักรวาล
ประโยคเปิดตัวที่คุ้นเคย
“ถ้าอยากจะรู้เรื่องราวให้กระจ่าง เราก็พร้อมที่จะแถลงไข
เพื่อปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย เพื่อปกป้องสันติภาพของโลกใบนี้
เผยความชั่วแห่งสัจธรรมและความรัก ตัวโกงผู้แสนน่ารักและมีเสน่ห์
มุซาชิ!! โคจิโร่!! เรา2คน แก๊งร็อกเก็ตแห่งจักรวาล !!!
ไวท์ฮอล!!! พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่~~~~~~”
มุซาชิ
มุซาชิเป็นลูกสาวของสมาชิกแก๊งร็อกเก็ตคนหนึ่งที่ชื่อ “มิยาโมโตะ” มิยาโมโตะเป็นสมาชิกฝีมือดีที่ใกล้ชิดกับเบื้องบนของแก๊ง เธอรักมุซาชิมากและพยายามทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงเธอ แต่เมื่อครั้งมุซาชิอายุ 5 ขวบ มิยาโมโตะได้รับภารกิจให้ไปจับมิวด้วยเบาะแสระดับสุดยอดที่เธอมี แต่หลังจากนั้นเธอก็ประสบเหตุหิมะถล่มและไม่มีใครได้พบเห็นเธออีก

มุซาชิที่กลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างกะทันหันก็ถูกส่งไปที่บ้านสงเคราะห์เด็กที่ยากจน ถึงขั้นในฤดูหนาวเธอต้องกินหิมะประทังความหิว เมื่อถึงวัยที่เธอจะต้องตั้งต้นชีวิตของตนเอง มุซาชิใฝ่ฝันจะเป็นนางพยาบาลโปเกมอน แต่ก็ต้องอกหักเพราะเธอไม่มีเงินเรียน จึงต้องระเห็จไปเรียนกับลักกี้ในโรงเรียนโปเกมอนพยาบาลแทน ถึงอย่างนั้นมุซาชิก็มีฝีมือในการทำแผลโปเกมอนเป็นอย่างดีถึงขั้นช่วยสอนลักกี้ตัวอื่นๆ อีกด้วย แต่เพราะเธอไม่ใช่โปเกมอนเหมือนลักกี้ เธอจึงไม่มีท่า ร้องเพลง ให้โปเกมอนผู้ป่วยหลับได้ สุดท้ายเธอจึงเรียนไม่จบหลักสูตร
โคจิโร่
ตรงข้ามกับมุซาชิที่เกิดโตพร้อมฐานะอัตคัตขัดสน โคจิโร่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐี เขาถูกบังคับให้เข้าสังคมไฮโซตั้งแต่เด็ก และถูกยัดเยียดให้เรียนสารพัดโดยที่เขาไม่ได้ชอบ ที่สำคัญยังถูกจับให้หมั้นหมายกับรูมิกะ ตอนแรกโคจิโร่เหมือนจะมีใจยินยอมแต่งงานกับเธอ แต่หลังจากทนความ “เยอะ” ของเธอไม่ไหว โคจิโร่จึงหนีออกจากบ้านโดยละทิ้งฐานะคุณหนูผู้สูงส่งไว้ข้างหลังทั้งหมด

เนียส
จำความได้เนียสก็เป็นลูกแมวที่ถูกทิ้งริมทาง โดยเนียสในตอนนั้นก็เดินสี่ขาและพูดไม่ได้เหมือนเนียสทั่วไป วันหนึ่ง เมื่อมันหิวจนตาลายถึงขั้นไปคุ้ยตะกร้าลูกเบสบอลที่สนามเบสบอลแถวนั้นเพราะเห็นลูกเบสบอลเป็นข้าวปั้น แต่เมื่อตะกร้าล้มจนลูกเบสบอลหกกระจัดกระจายแล้วถูกโค้ชจับได้ เนียสก็ถูกผูกห้อยไว้กับต้นไม้ นั่นทำให้เนียสบังเอิญเห็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งฉายภาพเนียสในแดนฮอลลีวู้ดที่มีเจ้าของเลี้ยงอยู่ดีกินดี กลายเป็นจุดหักเหที่เนียสจับรถไปขุดทองที่ฮอลลีวู้ดแห่งนั้น
เนียสที่เป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงได้เข้าเป็นสมาชิกแก๊งของเนียสเจ้าถิ่นจึงพอมีชีวิตที่ดีได้ด้วยการลักขโมยอาหารจากร้านในย่านนั้น และแล้ว…เนียสก็มาถึงจุดหักเหชีวิตครั้งที่สอง นั่นคือการหลงรักเนียสตัวเมียตัวหนึ่งที่เป็นสัตว์เลี้ยงของสตรีผู้ร่ำรวย แต่เนียสตัวเมียตัวนั้นไม่เอาด้วย เธอบอกว่าเนียสจนเกินไปและเธอชอบอยู่กับมนุษย์มากกว่าโปเกมอนด้วยกัน
เพราะอย่างนั้น เนียสจึงพยายามทำตัวให้เป็นผู้เป็น “คน” มากขึ้นด้วยการฝึกยืนสองขาและหัดพูดภาษามนุษย์อย่างตั้งอกตั้งใจด้วยการเฝ้ามองและทำตามนักเรียนคณะการแสดงจากฝ้าบนเพดานที่เนียสแอบอาศัยอยู่ แต่เมื่อถึงวันที่เนียสมาโชว์ความสามารถใหม่ให้เธอดู เนียสก็ถูกปฏิเสธอีกครั้ง เหตุผลของคราวนี้คือ “เธอ (ที่พูดภาษาคนได้) ประหลาดเกินไป” ด้วยเหตุนี้ เนียสที่อกหักรักคุดจึงประชดชีวิตด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกแก๊งร็อกเก็ต ด้วยความผูกพันที่คำว่า “ร็อกเก็ต” เป็นคำภาษามนุษย์คำแรกที่เนียสเข้าใจ