ประวัติ




โปเกมอน 

โปเกม่อนหรือในชื่อเต็มว่า พ็อกเก็ตมอนสเตอส์ เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่จัดพิมพ์และเป็นของนินเทนโดบริษัทวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่นและสร้างโดยซะโตะชิ ทะจิริเมื่อปี ค.ศ. 1996 แรกเริ่มออกจำหน่ายวิดีโอเกมแนวบทบาทสมมุติบนเครื่องเล่นสายเกมบอยชนิดเล่นเชื่อมกันได้ระหว่างเครื่องต่อเครื่องพัฒนาโดยบริษัทเกมฟรีค ตั้งแต่นั้นมา โปเกมอนกลายมาเป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ประสบ
ความสำเร็จและได้กำไรมากเป็นอันดับ 2 รองจากแฟรนไชส์มาริโอโปเกมอนถูกจำหน่ายในรูปของอะนิเมะ มังงะ เกมสะสมการ์ด ของเล่น หนังสือ และสื่ออื่นๆ แฟรนไชส์โปเกมอนได้ฉลองครบรอบ 10 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2006และจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ยอดขายสะสมของวิดีโอเกม (รวมถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซล เช่น นินเทนโด 64 ลายพิกะจู) ขึ้นถึงมากกว่า 200 ล้านสำเนา

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 บริษัท 4คิดส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จัดการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์โปเกมอนที่ไม่ใช่เกม ประกาศว่าบริษัทเห็นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวแทนแฟรนไชส์โปเกมอนใหม่ บริษัทโปเกมอนของสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันคือบริษัทเดอะโปเกมอน) สาขาย่อยของบริษัทโปเกมอนในญี่ปุ่น มีหน้าที่ตรวจตราลิขสิทธิ์โปเกมอนนอกทวีปเอเชีย








ซาโตชิ




 เป็นตัวละครเอกของโปเกมอนฉบับอะนิเมะเป้าหมายในชีวิตของซาโตชิคือการได้เป็นโปเกมอนมาสเตอร์อันดับ 1 ของโลกซาโตชิเริ่มต้นเดินทางด้วยวัย 10 ขวบเป็นผู้ฝึกโปเกมอน (Pokémon Trainer) ซึ่งมีจิตใจเมตตา มีเจตนาดี แต่ดื้อรั้นและยังไม่เชี่ยวชาญ เขาได้รับพิกะจูตัวที่มีนิสัยไม่มีความเคารพเจ้าของจากดร.ออคิดส์ เป็นโปเกมอนเริ่มต้นเพราะเขาไม่ตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นสายในวันที่เขาต้องมา รับโปเกมอนตัวแรก ซาโตชิตั้งใจที่จะไปถึงเป้าหมายสูงสุดให้ได้ ซึ่งการที่เขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพิกะจู โปเกมอนคู่หูได้ จะทำให้เขาเดินทางได้ง่ายขึ้น







ครอบครัว



ซาโตชิเคยอาศัยอยู่กับแม่ของเขาที่ชื่อ ฮานาโกะ จนกระทั่งเขาออกจากบ้านเพื่อเดินทางเป็นผู้ฝึกโปเกมอนเมื่ออายุได้ 10 ขวบสำหรับพ่อของซาโตชิยังไม่มีการแนะนำในอะนิเมะ บอกเป็นนัย ๆ ไว้ว่าพ่อของซาโตชิครั้งหนึ่งเป็นผู้ฝึกโปเกมอนที่เริ่มเดินทางจากเมืองมาซาระ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในแวดวงแฟนคลับโปเกมอนมีการพูดคุยอภิปรายกันถึงบุคลิกลักษณะของพ่อของซาโตชิ ทั้ง ๆ ที่ผู้เขียน

เรื่องนี้ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ลักษณะมุมมองชีวิตของซาโตชิ ตัวละครในเรื่องโปเกมอนที่แฟนคลับวางตัวไว้ให้เป็นพ่อของซาโตชิมีหลายตัว







โปเกม่อนของชาโตชิที่จับมา

อยู่กับชาโตชิ


พิคาชู





ยายาโคมะ





ลูจาบูล





ออนแบต →ออนเวิร์น



























อยู่กับด๊อคเตอร์


ฟุชิงิดาเนะ








แครบ→คิงเกลอร์


เบโตะเบตอน


เคนทารอส

ฮิโตคาเงะ → ลิซาโดะ → ลิซาดอน
คาบิกอน
เฮราครอส
จิโคริตะ→เบลีฟ
ฮิโนอาราชิ→แม็กมาราชิ
วานิโนโกะ
โยรุโนะสุกุ
ไข่โปเกมอน→โกมาโซะ→ดอนแฟน
ซูบาเมะ→โอซูบาเมะ

คิโมริ→จุปทอล→จูไคน์



เฮกานิ

โคตัส
ยูคิวาราชิ→โอนิโกริ
มุคุรุ→ มุคุเบิร์ด→ มุคุฮอร์ก






นาเอโทรุ→ฮายาชิกาเมะ→โดไดโทส 




ซารุ→โมคาซารุ→โกคาซารุ



ไกลเกอร์ → ไกออน
ฟูคามารุ
บุยเซล
มาเมพาโตะ→ฮาโตโบ→เคลฮอลโลว์
โพคาบู →ชาโอบู

สึทาจะ
ไข่โปเกมอน→ซูรูกกุ
คุรุมิรุ→ คุรุมายุ →ฮาฮาโคโมริ
กามาการู
แดนโกโร่→แกนเทิล

อยู่ระหว่างการฝึกฝนหรือฝากไว้กับเทรนเนอร์คนอื่น

เซนิกาเมะ
โอโคริซารุ
นูเมล่า → นูเมล → นูเมลกอน




ปล่อยไปแล้ว



คาเตอร์ปี → ทรานเซล →บัตเตอร์ฟรี

ปล่อยเพื่อไปหาคู่ผสมพันธุ์


พีเจียน → พีจ๊อต

ปล่อยเพื่อเฝ้าฝูงป็อบโปะจากฝูงโอนิซึสึเมะ


ลาพลัส

ปล่อยกลับเข้าฝูง


เคโรมัตสึ → เกโคงาชิระ → เกโคกะ ↔

ซาโตชิ เกโคกะ
ปล่อยเพื่อช่วยซีการ์ดค้นหารากไม้ปริศนาที่แก๊งแฟลร์สร้างขึ้นเพื่อทำลายภูมิภาคคาลอส













ตัวร้าย แก๊งร็อกเก็ตแห่งจักรวาล


ประโยคเปิดตัวที่คุ้นเคย 
“ถ้าอยากจะรู้เรื่องราวให้กระจ่าง เราก็พร้อมที่จะแถลงไข
เพื่อปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย เพื่อปกป้องสันติภาพของโลกใบนี้
เผยความชั่วแห่งสัจธรรมและความรัก ตัวโกงผู้แสนน่ารักและมีเสน่ห์
มุซาชิ!! โคจิโร่!! เรา2คน แก๊งร็อกเก็ตแห่งจักรวาล !!!

ไวท์ฮอล!!! พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่~~~~~~”




มุซาชิ





มุซาชิเป็นลูกสาวของสมาชิกแก๊งร็อกเก็ตคนหนึ่งที่ชื่อ “มิยาโมโตะ” มิยาโมโตะเป็นสมาชิกฝีมือดีที่ใกล้ชิดกับเบื้องบนของแก๊ง เธอรักมุซาชิมากและพยายามทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงเธอ แต่เมื่อครั้งมุซาชิอายุ 5 ขวบ มิยาโมโตะได้รับภารกิจให้ไปจับมิวด้วยเบาะแสระดับสุดยอดที่เธอมี แต่หลังจากนั้นเธอก็ประสบเหตุหิมะถล่มและไม่มีใครได้พบเห็นเธออีก

มุซาชิที่กลายเป็นเด็กกำพร้าอย่างกะทันหันก็ถูกส่งไปที่บ้านสงเคราะห์เด็กที่ยากจน ถึงขั้นในฤดูหนาวเธอต้องกินหิมะประทังความหิว เมื่อถึงวัยที่เธอจะต้องตั้งต้นชีวิตของตนเอง มุซาชิใฝ่ฝันจะเป็นนางพยาบาลโปเกมอน แต่ก็ต้องอกหักเพราะเธอไม่มีเงินเรียน จึงต้องระเห็จไปเรียนกับลักกี้ในโรงเรียนโปเกมอนพยาบาลแทน ถึงอย่างนั้นมุซาชิก็มีฝีมือในการทำแผลโปเกมอนเป็นอย่างดีถึงขั้นช่วยสอนลักกี้ตัวอื่นๆ อีกด้วย แต่เพราะเธอไม่ใช่โปเกมอนเหมือนลักกี้ เธอจึงไม่มีท่า ร้องเพลง ให้โปเกมอนผู้ป่วยหลับได้ สุดท้ายเธอจึงเรียนไม่จบหลักสูตร



โคจิโร่






ตรงข้ามกับมุซาชิที่เกิดโตพร้อมฐานะอัตคัตขัดสน โคจิโร่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐี เขาถูกบังคับให้เข้าสังคมไฮโซตั้งแต่เด็ก และถูกยัดเยียดให้เรียนสารพัดโดยที่เขาไม่ได้ชอบ ที่สำคัญยังถูกจับให้หมั้นหมายกับรูมิกะ ตอนแรกโคจิโร่เหมือนจะมีใจยินยอมแต่งงานกับเธอ แต่หลังจากทนความ “เยอะ” ของเธอไม่ไหว โคจิโร่จึงหนีออกจากบ้านโดยละทิ้งฐานะคุณหนูผู้สูงส่งไว้ข้างหลังทั้งหมด

มุซาชิผู้อกหักจากความฝันและโคจิโร่ผู้หนีออกจากชีวิตที่ถูกตีกรอบมาพบกันที่โรงเรียนโปเกมอนเทรนเนอร์ที่ชื่อ “โปเกมอนเซมินาร์” แต่ด้วยทั้งสองได้สร้างสถิติประวัติศาสตร์คือสอบได้คะแนนต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีนักเรียนทำได้ ทั้งสองจึงโดนรีไทร์ไป แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะหัวโจกของแก๊งซิ่งจักรยานแห่งเมืองซันนี่ทาวน์






เนียส




จำความได้เนียสก็เป็นลูกแมวที่ถูกทิ้งริมทาง โดยเนียสในตอนนั้นก็เดินสี่ขาและพูดไม่ได้เหมือนเนียสทั่วไป วันหนึ่ง เมื่อมันหิวจนตาลายถึงขั้นไปคุ้ยตะกร้าลูกเบสบอลที่สนามเบสบอลแถวนั้นเพราะเห็นลูกเบสบอลเป็นข้าวปั้น แต่เมื่อตะกร้าล้มจนลูกเบสบอลหกกระจัดกระจายแล้วถูกโค้ชจับได้ เนียสก็ถูกผูกห้อยไว้กับต้นไม้ นั่นทำให้เนียสบังเอิญเห็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งฉายภาพเนียสในแดนฮอลลีวู้ดที่มีเจ้าของเลี้ยงอยู่ดีกินดี กลายเป็นจุดหักเหที่เนียสจับรถไปขุดทองที่ฮอลลีวู้ดแห่งนั้น



เนียสที่เป็นเด็กบ้านนอกเข้ากรุงได้เข้าเป็นสมาชิกแก๊งของเนียสเจ้าถิ่นจึงพอมีชีวิตที่ดีได้ด้วยการลักขโมยอาหารจากร้านในย่านนั้น และแล้ว…เนียสก็มาถึงจุดหักเหชีวิตครั้งที่สอง นั่นคือการหลงรักเนียสตัวเมียตัวหนึ่งที่เป็นสัตว์เลี้ยงของสตรีผู้ร่ำรวย แต่เนียสตัวเมียตัวนั้นไม่เอาด้วย เธอบอกว่าเนียสจนเกินไปและเธอชอบอยู่กับมนุษย์มากกว่าโปเกมอนด้วยกัน





เพราะอย่างนั้น เนียสจึงพยายามทำตัวให้เป็นผู้เป็น “คน” มากขึ้นด้วยการฝึกยืนสองขาและหัดพูดภาษามนุษย์อย่างตั้งอกตั้งใจด้วยการเฝ้ามองและทำตามนักเรียนคณะการแสดงจากฝ้าบนเพดานที่เนียสแอบอาศัยอยู่ แต่เมื่อถึงวันที่เนียสมาโชว์ความสามารถใหม่ให้เธอดู เนียสก็ถูกปฏิเสธอีกครั้ง เหตุผลของคราวนี้คือ “เธอ (ที่พูดภาษาคนได้) ประหลาดเกินไป” ด้วยเหตุนี้ เนียสที่อกหักรักคุดจึงประชดชีวิตด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกแก๊งร็อกเก็ต ด้วยความผูกพันที่คำว่า “ร็อกเก็ต” เป็นคำภาษามนุษย์คำแรกที่เนียสเข้าใจ